วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อาหารป้องกันโยโย่



 
กลับไปสู่หน้าแรก
HOME
 

ขายสมุนไพรภูมิพนาของแท้ 100% โทร 093-2628235ณฐอร

 
 


 



หลายคนคงเข็ดขยาดการทานยาลดน้ำหนัก หรือกลัวไม่กล้าทานตั้งแต่ต้น เพราะกลัวคำว่า " โยโย่ " แต่ไอ้เจ้าโยโย่(Yo-Yo) นี้มันเป็นยังไง มีลักษณะเป็นแบบไหนกันแน่ อาการโยโย่เอฟเฟกต์  (Yo-Yo Effect) เกิดจากอะไร ทำไมถึงเป็น




1. การใช้ยาลดน้ำหนักที่ออกฤทธิ์กดประสาทความหิว

การอดอาหารคือสาเหตุสำคัญของการ โยโย่ เนื่องจากร่างกายมีการเผาผลาญมากขึ้นเนื่องจากยา แต่กลับทานอาหารน้อยลง ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและวิตามินสำคัญบางตัวที่ช่วยปกป้องระบบเผาผลาญเดิม เมื่อไม่มีตัวปกป้องนี้เหตุการณ์ที่ตามมาคือ ระบบเผาผลาญหายไป โดยที่เราไม่รู้ตัว ยกตัวอย่าง เช่น จากเดิมที่ร่างกายมี ระบบเผาผลาญอยู่ 2,000 Kcal ก็จะเหลือแค่ 1,200 Kcal แปลว่า เมื่อกลับไปทานอาหารเหมือนเดิมร่างกายจึงเผาผลาญได้ไม่หมด สะสมมากขึ้นทุกวันวันละ 800 Kcal จึงทำให้อ้วนง่ายขึ้น เพราะพลังงานเหลืออยู่นั้นเอง

 

2. ทานแต่ผัก ผลไม้มากเกินไป
 
คนทั่วไปร้อยละ 90 คิดว่า ทานผักผลไม้ทุกวันทุกมื้อสิดี จะได้ไม่อ้วน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดอย่างมหันต์ คนที่คิดแบบนี้ โยโย่ทุกคนขอบอก เพราะการทานแต่ผลและผลไม้จะทำให้เราเกิดอาการเก็บกด(ยกเว้นคนที่ทานเจทานมังฯ) อยากอาหารจุกจิก เนื่องจากในผลไม้มีน้ำตาลและแป้งอยู่มาก ทำให้หิวบ่าย การทานผักและผลไม้จึงไม่อยู่ท้อง ในผักและผลไม้ไม่มีหรือมีวิตามินสำคัญในการปกป้องระบบเผาผลาญน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ เหตุการณ์ที่ตามมากคือ ระบบเผาผลาญหายไป เหมือนข้อแรก

 

แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้ โยโย่ เรื่องง่ายๆที่ใครๆก็ไม่รู้

ช่วงลดน้ำหนักสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุดคือ โปรตีน เพราะในโปรตีนมีวิตามิน B และที่สำคัญที่สุดคือ B1  B6 และสาร แอล-คาโนซีน(L-carnosine) ที่มีมากที่สุดในอกไก่ วิตามินเหล่านี้จะช่วยปกป้องเหมือนเป็นทหารรักษาการประจำเซลล์เผาผลาญให้มันคงอยู่ไม่หายไป
ในขณะที่เราลดน้ำหนัก ตัวยาจะออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ทำให้เกิดอาการไม่พึ่งประสงค์และหยุดทานไปเพราะร่างกายรับไม่ไหว หากร่างกายขาดวิตามิน B จะมีผลต่อร่างกาย เช่น น้ำตาลในเลือดต่ำ อ่อนเพลียเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ริมฝีปากและลิ้นเป็นแผล ชาและเป็นตะคริว การมองเห็นจะไม่เป็นปกติ หัวใจจะเต้นไม่ปกติ จะมีอาการเกี่ยวกับระบบประสาท กระวนกระวาย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ซึมเศร้าปัสสาวะมากกว่าปกติ ซึ่งคนส่วนมากจะคิดว่าเป็นผลมาจากยามีสารอันตราย ไม่ปลอดภัย น้อยคนนักที่จะรู้และเข้าใจว่าเกิดจากร่างกายที่ขาดวิตามิน จึงตัดสินใจเลิกทานก่อนที่จะเห็นผลที่ชัดเจน
ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักจึงควรเน้นอาหารประเภทโปรตีนที่มีวิตามิน B เพราะร่างกายคนเราจะไม่สะสมวิตามินประเภทนี้ไว้ในร่างกาย เหมือนวิตามินจำพวกอื่นๆ เช่น E , A , C ,D ยกเว้น B 12 ที่สามารถสะสมอยู่ในร่างกายได้เป็น 10 ปี โดยที่ไม่จำเป็นต้องทานเพิ่มเลย จึงควรรับประทานโปรตีนให้มากขึ้นในช่วงลดน้ำหนัก วิตามิน B มีหน้าที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และยังช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญอีกด้วย ดังนี้คนที่ทานโปรตีนมากในช่วงลดน้ำหนัก จึงมีผิวพรรณที่ไม่เหี่ยวย่นหรือหย่อนคล้อยสาเหตุที่ทำให้ดูแก่ก่อนวัย



นิยามควรจำ คาร์โบโฮเดรตทำให้หิวบ่อย โปรตีนทำให้อิ่มนาน

  

แหล่งวิตามิน B ที่สำคัญ


เนื้อสัตว์เป็นแหล่งของกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด ที่ธัญพืชหรือผักบางชนิดไม่สามารถให้ได้

แต่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าขณะลดน้ำหนักควรงดหรือรับประทานเนื้อสัตว์หรือโปรตีนให้น้อยที่สุด
ซึ่งในระยะยาวไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพแน่ โดยเฉพาะการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ดังนั้นการรับประทานเนื้อสัตว์หรือโปรตีนจึงไม่ผิดต่อหลักการควบคุมน้ำหนักของคุณ
ข้อดี คือ ทำให้รู้สึกอิ่มและอยู่ท้องได้นาน ทำให้ลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามิน B1 (
ไธอะมิน) จะช่วยปกป้องระบบการเผาผลาญเดิมในร่างกายของคุณไม่ให้สูญหายหรือถูกทำลายไประหว่างการลดน้ำหนักฺจะพบมากใน ตับ ไก่ หมู เนื้อวัว นม ไข่ ปลาดุก ข้าว งา ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วแดง ส่วน วิตามิน B6 (ไพริด๊อกซิน) จะพบมากใน ตับ เครื่องใน นม ข้าว นม ไข่ กล้วย กะหล่ำปลี
เปิดเผยงานวิจัยหนึ่งที่ทดสอบการลดน้ำหนักของหญิงออสเตรเลียน 100 คนพบว่า หญิงที่รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ไร้มันสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าหญิงที่รับประทานอาหารเน้นแป้งมากกว่าเนื้อสัตว์ ทั้งนี้คนที่ควบคุมน้ำหนักจำเป็นต้องเลือกรับประทานเนื้อสัตว์และโปรตีนที่เหมาะสม ซึ่งวัยทำงานควรรับประทานเนื้อสัตว์และโปรตีนให้ได้วันละ 9 ช้อนกินข้าว ทั้งนี้อาจแบ่งสัดส่วนนี้รับประทานเต้าหู้ขาวหรือผลิตภัณฑ์จากนมพร่องมันเนยต่างๆ เช่น โยเกิร์ตพร่องไขมัน และถั่วด้วยก็ได้เพื่อร่างกายได้รับกรดอะมิโนและโปรตีนที่หลากหลาย


>>หมายเหตุ ** VDO นี้มีเนื้อหานอกเหนือไปจากบทความที่เขียนไว้ จึงควรดูเพิ่มเติม<<

VDO อ้างอิง จาก นพ. ตนุพล วิรุฬหการุญ
ประจำ รพ.กรุงเทพ ชำนาญพิเศษ : การชะลอวัยและแพทย์เฉพาะทางด้าน : Hormone and weight loss

ไปดูกันค่ะว่าท่านแนะนำว่าอย่างไรบ้าง
V
V
 V  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น